รับชมวิดีโอ ดึงผิวยับ รับผิวเรียบ – ปัญหาผิว ‘ยับ’ กับวัย 48 ปี
เวลาที่ผ่านเลยไป และอายุที่เพิ่มมากขึ้นย่อมส่งผลให้ผิวหนังที่เคยกระชับและเรียบเนียนกลายเป็นผิวที่หย่อนคล้อยและริ้วรอยแห่งวัยได้ แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้หลายวิธี ตั้งแต่วิธีที่เห็นผลได้ชั่วคราวเป็นหลักเดือนอย่างการร้อยไหม การฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซินเอ หรือการทำ HIFU ไปจนถึงวิธีแก้ที่เห็นผลได้ยาวนานถึงหลัก 10 ปีอย่าง “ ผ่าตัดดึงหน้า ”
BLS Surgery Center จะพาทุกคนมารู้จักกับ “การผ่าตัดดึงหน้า” หัตถการดีๆ ที่ถูกลืมเพราะหลายคนมักมองว่าเป็นหัตถการที่น่ากลัวและอันตราย แต่การผ่าตัดดึงหน้านั้นอันตรายจริงหรือ? ทำแล้วหน้ายกกระชับได้ยาวนานจริงไหม? บทความนี้มีคำตอบ!
ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร?
ผิวหย่อนคล้อย เกิดจากการเสื่อมตัวขององค์ประกอบในชั้นผิวหนังชั้นต่างๆ จนทำให้ผิวไม่สามารถคงความตึงกระชับได้ดังเดิม โดยสามารถอธิบายความเสื่อมของเซลล์และชั้นผิวหนังได้ดังนี้
- เซลล์คอลลาเจนและเซลล์อิลาสตินลดลง โดยทั่วไปแล้วเซลล์สองตัวนี้มีหน้าที่สำคัญในการช่วยให้ผิวคงความเรียบตึงและมีความยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายจะผลิตเซลล์นี้ได้ลดลง รวมทั้งเซลล์เดิมที่มีอยู่ก็เสื่อมตัวเร็วขึ้นด้วย ทำให้ผิวจากที่เคยยกกระชับ กลายเป็นผิวที่หย่อนคล้อยนั่นเอง
- เซลล์ผิวผลัดตัวช้าลง ทำให้ผิวหนังที่เสื่อมตัวและหยาบกร้านไปแล้วยังคงอยู่บนเนื้อผิว ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยที่โดยปกติอาจสังเกตเห็นได้ยากจึงเริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
- ชั้นไขมันลดปริมาณลง โดยทั่วไปแล้วแต่ละคนจะมีชั้นไขมันที่คงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหรือที่รู้จักกันในนามของ “Baby Fat” เมื่อ Baby Fat ลดปริมาณลง ไม่หนาแน่นเหมือนช่วงวัยรุ่น ผิวจึงเกิดการยุบตัว จนเห็นความไม่กระชับและหย่อนคล้อย
- เนื้อเยื่อชั้น SMAS เสื่อมกำลังลง นอกจากชั้นไขมันที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีเนื้อเยื่อที่ช่วยในการกระชับ เพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวอีก นั่นก็คือเนื้อเยื่อชั้นพังผืดที่กั้นระหว่างชั้นไขมันกับชั้นกล้ามเนื้อ อย่าง “ผิวชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System)”เมื่อเนื้อเยื่อชั้นนี้เริ่มเสื่อมกำลังลง ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อย จนเกิดการห้อยตัวขึ้น
ความหย่อนคล้อยของผิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้ตั้งแต่คนอายุราวๆ 25 ปีขึ้นไป โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวที่หย่อนคล้อยมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้น
โดยปัจจัยที่ทำให้องค์ประกอบของผิวเกิดความเสื่อมตัว เซลล์ผิวมีการผลิตเซลล์ใหม่น้อยลง หรือเกิดการผลัดตัวช้านั้น มีทั้งที่เกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย และปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น
- อายุที่มากขึ้น นับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยก็ว่าได้ เพราะยิ่งคนเราอายุเพิ่มมากขึ้นเท่าไร กระบวนการผลัดเซลล์ผิวก็จะค่อยๆ ทำงานช้าและเสื่อมตัวลงมากขึ้นเท่านั้น
- การสัมผัสแสงแดดจัดๆ รวมถึงพฤติกรรมไม่ทาครีมกันแดด จนทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระจากแสงแดดสะสมในผิวหนัง และทำให้ผิวเสื่อมโทรมลง เกิดเป็นปัญหาความหย่อนคล้อยที่มาถึงเร็วกว่าวัยอันควร
- พฤติกรรมบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ซึ่งทำให้ร่างกายได้รับสารพิษและยังไปทำลายเซลล์ผิวที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณอีกด้วย
- การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็นควันจากท่อไอเสีย สิ่งสกปรก สารเคมีในอากาศ ล้วนทำให้เกิดอนุมูลอิสระ สารพิษ และสิ่งรบกวนต่อการทำงานของร่างกาย ทำให้เซลล์ในร่างกายรวมถึงเซลล์ผิวเสื่อมตัวลง
- การนอนหลับพักผ่อนน้อย ทำให้ร่างกายอ่อนล้า ฮอร์โมนที่ช่วยเสริมการเจริญเติบโตของร่างกายอย่าง “โกรทฮอร์โมน” หลั่งไม่เพียงพอ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผิวเสื่อมตัวได้เร็วเช่นกัน
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรืออาหารที่ให้สารวิตามินที่ดีต่อผิว จึงทำให้ร่างกายไม่มีสารบำรุงไปดูแลผิวได้มากพอ จนไม่สามารถต่อสู้กับปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ผิวเสื่อมโทรมลงได้
- การดื่มน้ำน้อย ซึ่งน้ำเป็นอีกองค์ประกอบที่ทำให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนออกมาได้อย่างเพียงพอ การดื่มน้ำน้อย จึงเป็นอีกตัวการทำให้ปัจจัยคงความกระชับของผิวลดลงไปด้วย
บริเวณไหนที่มักเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย?
สำหรับตำแหน่งของใบหน้าที่มักพบปัญหาความหย่อนคล้อยได้บ่อย ได้แก่
1. หน้าผาก
ส่วนบนสุดของใบหน้า อย่างบริเวณหน้าผาก เมื่อเกิดความหย่อนคล้อย จะทำให้เห็นริ้วรอยและรอยย่นได้ชัดเจน
2. หางตา
บริเวณด้านข้างของใบหน้าที่หย่อนคล้อย ทำให้เกิดปัญหาหางตาตก ตาเศร้า หน้าตาดูไม่สดใส และดูมีอายุอย่างเห็นได้ชัด
3. หัวคิ้ว
ริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า เพื่อแสดงอารมณ์ เช่น การขมวดคิ้ว การเลิกคิ้ว เป็นต้น เมื่อทำบ่อยๆ บวกกับอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังเกิดร่องรอยและรอยย่นระหว่างคิ้วถาวร ทำให้หน้าตาดูเคร่งเครียด และดูดุ
4. ร่องแก้ม
ผิวหย่อนคล้อยลงตามวัย เนื้อแก้มที่ห้อยลงมากอง ทำให้เกิดร่องแก้ม มีลักษณะเป็นเส้นอยู่ตรงบริเวณด้านข้างจมูก ยาวลงมาจนถึงมุมปาก
5. เหนียง กรอบหน้า
ใบหน้าหย่อนคล้อย ส่งผลให้เกิดผิวย้อยลงตามแรงโน้มถ่วงโลก ลงมากองที่บริเวณส่วนล่างสุดของใบหน้า อย่างบริเวณคาง ส่งผลให้เกิดปัญหากรอบหน้าไม่ชัด มีคางสองชั้น มีเหนียง
6. ลำคอ
หย่อนคล้อย ความเหี่ยวย่นไม่ได้เกิดเฉพาะบริเวณใบหน้า แต่ลำคอก็เป็นตำแหน่งหนึ่งที่บ่งบอกวัยอย่างเห็นได้ชัด สังเกตว่าคนมีอายุ จะมีผิวช่วงลำคอที่เหี่ยวย่น เต็มไปด้วยริ้วรอย มีรอยพับ ลำคอไม่เรียวและเต่งตึงเหมือนตอนอายุยังน้อย
วิธีการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ด้วยการผ่าตัดดึงหน้า (Facelift)
การผ่าตัดดึงหน้า เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อตัดแต่งผิวหน้าส่วนที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับ หรือในบางสถานพยาบาลอาจใช้วัสดุทางการแพทย์คล้ายกับหมุดเข้าไปยึดหรือรั้งผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงอีกครั้ง
การผ่าตัดดึงหน้าคืออะไร?
การผ่าตัดดึงหน้า หรือการผ่าตัดยกกระชับหน้า คือ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อยของผิวหน้า ผ่านการดึงหรือตัดแต่งชั้นผิวหนัง SMAS ของใบหน้าส่วนที่มีปัญหาหย่อนยานให้กลับมากระชับอีกครั้ง รวมถึงตัดผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยและไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ออก จัดเป็นการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวในระยะยาว และเห็นผลได้นานหลายปี
คนส่วนใหญ่มักจะเข้าว่าการผ่าตัดดึงหน้าสามารถทำได้โดยการเปิดแผลบริเวณเหนือหูแล้วดึงแก้มที่หย่อนคล้อยขึ้นไปได้เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วการผ่าตัดยกกระชับหน้านั้น แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเฉพาะบุคคลได้อย่างถูกจุด ไม่ว่าจะเป็น
1. การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Full Facelift
การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Full Facelift นับเป็นรูปแบบการผ่าตัดยกกระชับหน้าที่แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ครอบคลุมมากที่สุด เพราะวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยครอบคลุมทุกส่วน ตั้งแต่ใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนกลาง จนไปถึงใบหน้าส่วนล่าง
ซึ่งการผ่าตัดดึงใบหน้าส่วนบน จะเป็นการดึงหางคิ้วและหน้าผากขึ้น การผ่าตัดด้วยวิธีนี้จึงเน้นแก้ปัญหาในผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก รวมถึงผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผากด้วย โดยหลังผ่าตัดจะช่วยให้รูปคิ้วยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาที่ดูเหมือนอ่อนล้าจะดูสดใสขึ้น
การผ่าตัดดึงใบหน้าส่วนกลาง คือ การแก้ไขปัญหาการหย่อนคล้อยของแก้ม ร่องน้ำตา รวมถึงร่องแก้ม ทำได้โดยการยกโหนกแก้มขึ้น โดยหลังผ่าตัดจะช่วยให้ร่องต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้นจากที่เคยลึก ตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การผ่าตัดดึงใบหน้าส่วนล่าง คือ การแก้ไขปัญหาร่องน้ำหมาก แก้มส่วนล่าง และบริเวณลำคอ การผ่าตัดยกกระชับหน้าส่วนนี้จะช่วยให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเนื้อที่หย่อนคล้อยบริเวณใต้คาง หรือที่คนนิยมเรียกว่า “เหนียง” ก็จะยกกระชับขึ้นเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบ Full Facelift เป็นวิธีการที่ครอบคลุมทุกปัญหาใบหน้าและลำคอหย่อนคล้อย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าและลำคอไม่กระชับอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แต่หากมีปัญหาไม่มากนัก หรืออายุยังน้อย อาจเลือกเป็นการแก้ปัญหาบางจุด หรือแก้ปัญหาเฉพาะจุด ซึ่งจะอธิบายเป็นลำดับต่อไป
ผ่าตัดดึงหน้าแบบ Full Facelift ที่ BLS Surgery Center ด้วยเทคนิค Invisible Lock แผลผ่าตัดจะถูกซ่อนไว้ทั้งหมด โดยตำแหน่งแผลจะอยู่ชิดกับไรผม หรืออยู่ในไรผม และชิดแนวกรอบใบหู ทำให้มองไม่เห็นแผล หรือเห็นแผลไม่ชัดเจน แม้หลังผ่าตัดใหม่ๆ และรอยแผลจะค่อยๆ จางลงตั้งแต่ 1 เดือนเป็นต้นไป จนหายสนิท
2. การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Mini Facelift
การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Mini Facelift เป็นหนึ่งในการผ่าตัดดึงใบหน้าแบบเฉพาะจุด เน้นการยกกระชับบริเวณใบหน้าส่วนบนเป็นหลัก ตั้งแต่บริเวณด้านข้างหน้าผาก หางตา หางคิ้ว จนถึงบริเวณแก้มส่วนบน ถึงแม้การผ่าตัดดึงหน้าวิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Full Facelift แต่โดยพื้นฐานแล้วการผ่าตัดวิธีนี้จะเป็นการหัตถการเชิงป้องกันเสียมากกว่า
การผ่าตัดแบบ Mini Facelift จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุน้อยแต่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวหย่อนคล้อย ที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องแผล เพราะนอกจากแผลจะเล็กแล้ว ยังใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยอีกด้วย
ผ่าตัดดึงหน้าแบบ Mini Facelift ที่ BLS Surgery Center ด้วยเทคนิค Invisible Lock แผลผ่าตัดจะถูกซ่อนไว้ชิดกับไรผม หรืออยู่ในไรผม อย่างแนบเนียนและเป็นธรรมชาติ ทำให้ไม่เห็นแผลหลังทำ
3. การผ่าตัดยกกระชับลำคอ (Neck Lift)
การผ่าตัดยกกระชับลำคอ เป็นหนึ่งในการผ่าตัดเพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเฉพาะจุด โดยเน้นไปที่การยกกระชับบริเวณใต้คางและลำคอส่วนบน เป็นการผ่าตัดตกแต่งผิวหนังส่วนเกินบริเวณคอออก แก้ไขรอยย่น เก็บเหนียง และเย็บกระชับกล้ามเนื้อบริเวณคอ ช่วยให้ผิวที่เหี่ยวย่นบริเวณลำคอ คอที่เป็นรอยพับอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณลำคอ กลับมามีคอที่สวย ผิวบริเวณลำคอเต่งตึงกระชับอีกครั้ง ทั้งยังเห็นกรอบหน้าชัดเจนขึ้นอีกด้วย
ผ่าตัดผ่าตัดยกกระชับลำคอ Neck Lift ที่ BLS Surgery Center ด้วยเทคนิค Invisible Lock แผลผ่าตัดจะถูกซ่อนไว้บริเวณหลังหู
4. การผ่าตัดยกกระชับหนังตา (Subbrow Lift)
การผ่าตัดยกกระชับหนังตา เป็นหนึ่งในการผ่าตัดยกกระชับใบหน้าที่ถูกนำมาแก้ปัญหาหนังตาตก มีหนังตาเกิน หนังตาหย่อนคล้อย ที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ หรือหนังตาตกปิดทับตา จนมีปัญหาในการมองเห็น โดยการผ่าตัดตกแต่งหนังตาส่วนเกินบริเวณที่หย่อนคล้อยออกไป แล้วดึงให้เกิดความกระชับมากขึ้น ช่วยให้ผิวเปลือกตาบนกระชับ ดูสดใสและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ผ่าตัดยกกระชับหนังตา ที่ BLS Surgery Center ด้วยเทคนิค Invisible Lock ซ่อนแผลผ่าตัดไว้ใต้แนวคิ้ว โดยแผลจะมีขนาดเล็กมาก ทำให้มองไม่เห็นแผล และสามารถฟื้นตัวได้ไวอีกด้วย
5. การศัลยกรรมถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty)
การศัลยกรรมถุงใต้ตา เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาบริเวณหนังตาล่าง ที่มีลักษณะนูนจากถุงไขมันใต้ตา ทำให้ผิวใต้ตาดูบวม มีร่องใต้ตา ดวงตาดูไม่สดใส ดูโทรมและมีอายุ การผ่าตัดรูปแบบนี้จะเป็นการเอาผิวหนังที่หย่อนคล้อยและถุงไขมันที่อยู่ด้านล่างเปลือกตาออก แก้ปัญหาถุงใต้ตาที่บวมนูน ช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ลง และดูสดใสมากยิ่งขึ้น
ศัลยกรรมถุงใต้ตา ที่ BLS Surgery Center ด้วยเทคนิคซ่อนแผลในเปลือกตา เหมาะกับคนอายุน้อย และเทคนิคซ่อนแผลใต้แนวขนตาล่าง เหมาะกับคนมีอายุ หรือมีปัญหาใต้ตามาก
ข้อดีของการผ่าตัดยกกระชับหน้า
- ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
- ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า
- คืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ทำให้หน้าดูเด็กลง
- เป็นวิธีลดความหย่อนคล้อยแบบระยะยาว โดยจะเห็นผลลัพธ์นาน 5-10 ปี
ใครเหมาะกับการผ่าตัดดึงหน้า?
- คนที่มีหนังตาและหางตาตก
- คนที่มีถุงใต้ตา
- คนที่มีริ้วรอยร่องแก้ม
- คนที่มีร่องน้ำหมากชัด
- คนที่มีแก้มหย่อนคล้อย
- คนที่มีเหนียง ลำคอเหี่ยวย่น
- คนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด
- คนที่ต้องการแก้ไขความหย่อนคล้อยและริ้วรอยในระยะยาว
การผ่าตัดยกกระชับหน้าได้ผลลัพธ์ถาวรหรือเปล่า?
ถึงแม้การผ่าตัดดึงหน้าจะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานหลายปี แต่ก็ไม่สามารถคงอยู่ตลอดไปได้ ส่วนระยะเวลาของผลลัพธ์ในการรักษาของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านจะขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าและการดูแลตัวเองหลังทำด้วย
ผ่าตัดดึงหน้าใช้เวลานานแค่ไหน?
ระยะเวลาผ่าตัดดึงหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ชั่วโมง และใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงหน้า
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการผ่าตัด ความหย่อนคล้อยของผิวส่วนที่กังวลและต้องการแก้ไขเสียก่อน
- แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยา วิตามิน สมุนไพรเสริมสุขภาพ รวมถึงประวัติแพ้ยาทุกชนิดให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
- งดยาที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ยาละลายลิ่มเลือด วิตามิน และสมุนไพรตามที่แพทย์สั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่มีการดมยาสลบ ต้องงดน้ำและงดอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดดึงหน้า
- ทำความสะอาดแผลทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง โดยใช้สำลีชุบน้ำเกลือแล้วเช็ดที่บริเวณแผลเบาๆ
- พยายามอย่าสัมผัสแผล รวมถึงอย่าให้แผลได้รับแรงกระแทกจนเสี่ยงฉีกขาด
- กินยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายให้
- 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด อย่าให้แผลโดนน้ำ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ หลังจากนั้นสามารถล้างหน้าได้ตามปกติ
- 1-2 วันแรก หมั่นประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
- หลังครบ 2 วันหลังการผ่าตัด ให้เปลี่ยนเป็นประคบอุ่นแทน
- 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด ให้นอนศีรษะสูง เพื่อลดอาการบวม
- หลังทำ 3 วันแรก สามารถสระผมได้ตามปกติ แต่ควรใช้แชมพูอ่อนๆ และห้ามไดร์หรือเป่าผมด้วยลมร้อน
- 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด งดกินอาหารรสจัด รวมถึงอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพื่อป้องกันการอักเสบของแผล
- งดสูบบุหรี่และงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ดูแลผิวหลังผ่าตัดดึงหน้าอย่างไร ให้ใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างยาวนาน?
หลังผ่าตัดดึงหน้าแล้ว แน่นอนว่าผู้เข้ารับบริการก็จะได้รับความตึงกระชับของผิวกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม ผิวหน้าที่แข็งแรงและสุขภาพดีก็มีส่วนช่วยให้ผลลัพธ์หลังผ่าตัดยืนยาวมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้นนอกจากผ่าตัดดึงหน้าแล้ว ผู้เข้ารับบริการยังควรดูแลสุขภาพผิวอย่างเหมาะสมร่วมด้วย เพื่อช่วยยืดระยะเวลาของความเต่งตึงของผิวหน้าให้ยาวนานกว่าเดิม เช่น
- พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือหากต้องออกไปในที่โล่งแจ้ง ให้ทาครีมกันแดด SPF 50+ ขึ้นไปทุกครั้ง
- หมั่นบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์อยู่เสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอทุกวัน
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมถึงอาหารที่มีประโยชน์ มีสารวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิว
- หลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
ทำไมต้องผ่าตัดยกกระชับหน้า ที่ BLS Surgery Center?
BLS Surgery Center มีบริการผ่าตัดยกกระชับหน้าด้วยเทคนิค “Invisible Lock” ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ช่วยซ่อนแผลผ่าตัดไม่ให้สังเกตเห็นได้จากสายตาภายนอก โดยแพทย์จะซ่อนแผลเอาไว้ชิดไรผม หรือกรอบใบหู ทำให้ยากต่อการมองเห็น นอกจากนี้แผลยังมีขนาดเล็ก บวมน้อย ทำให้ฟื้นตัวเร็ว กลับไปใช้ชีวิตประจำวันหลังผ่าตัดได้ไวขึ้น
แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดดึงหน้าที่ BLS Surgery Center เป็นแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านการผ่าตัดศัลยกรรม และยังมีวิสัญญีแพทย์คอยทำหน้าที่ให้ยาสลบแก่ผู้เข้ารับบริการ มีห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาล ผู้เข้ารับบริการจึงหมดห่วงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ความสะอาด และความเชี่ยวชาญในการรักษาของแพทย์ BLS Surgery Center ได้เลย
โดยก่อนเริ่มการผ่าตัด แพทย์ของ BLS Surgery Center จะช่วยวางแผนการผ่าตัดแบบเคสต่อเคส โดยคำนึงถึงความคาดหวังของผู้เข้ารับบริการ ร่วมกับปัญหาผิวที่ตรวจพบ เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์แนวทางการผ่าตัดที่เหมาะสมและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
นอกจากนี้แพทย์ของทาง BLS Surgery Center ยังคำนึงถึงผลลัพธ์หลังผ่าตัดที่ดูเป็นธรรมชาติ และดูเข้ากับโครงสร้างใบหน้าของผู้เข้ารับบริการ ทำให้ผลลัพธ์ ผิวหน้าหลังผ่าตัดยังคงเป็นธรรมชาติในแบบตนเอง แต่ได้ความกระชับและความเรียบเนียนของผิวกลับคืนมา
ผ่าตัดดึงหน้า ราคาเท่าไหร่?
ติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการผ่าตัดดึงหน้าที่ BLS Surgery Center หรือ คลิกลงทะเบียน เพื่อขอรับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าได้โดยตรง ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ด้านล่างเลยค่ะ